
ประกาศผลกันไปแล้ว กับตำแหน่งผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกแห่งปี 2013 ซึ่งผลก็ปรากฏว่า นางเอกสาวผมสีบลอนด์ ตาสีฟ้า หน้าตาสวยคม สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน สามารถคว้ารางวัลนี้ไปครองได้สำเร็จ ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ที่ดึงดูดใจแล้ว สาวคนนี้ยังเป็นนักแสดงฮอลลีวูดมากความสามารถ และมีผลงานตั้งแต่ที่ยังเป็นเด็กอีกด้วย วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงมีประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสาวเซ็กซี่สวยบาดใจคนนี้ มาฝากกันจ้า
สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน คือนักแสดงสาวคนเก่ง ที่เกิดในครอบครัวชาวยิวในเมืองนิวยอร์กซิตี้ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยคุณพ่อของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เป็นสถาปนิกเชื้อสายเดนมาร์ก และคุณแม่ก็มีอาชีพเป็นคนเขียนบทและผู้กำกับ ทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ได้รับอิทธิพลด้านการแสดงมาตั้งแต่เด็ก และเธอเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น โดยมีพี่สาวคือ วาเนสซ่า, พี่ชายคือ เอเดรียน, ฝาแฝดของเธอคือ ฮันเตอร์ และลูกพี่ลูกน้องอีกคนคือ คริสเตียน ซึ่งเป็นลูกชายที่ติดมาจากการแต่งงานครั้งแรกของพ่อ
สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียน Public School 41 ซึ่งตั้งอยู่ในย่านแมนฮัตตัน นิวยอร์ก จากนั้นเธอจึงเริ่มเข้าเรียนในโรงเรียนสอนการแสดง ที่ Professional Children's School ในย่านแมนฮัตตัน ซึ่งตั้งแต่เด็ก สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ก็เริ่มออดิชั่นและทำงานในวงการบันเทิง ภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอก็คือเรื่อง North ซึ่งในตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 9 ขวบ แต่เพียง 2 ปีหลังจากนั้น เธอก็ได้รับบท อแมนดา ในเรื่อง Manny & Lo จนทำให้เธอมีชื่อเข้าชิงรางวัล Independent Spirit Award ในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยม อีกทั้งยังได้รับเสียงวิจารณ์ไปในแง่บวกจากนักวิจารณ์มากมายอีกด้วย

หลังจากนั้น เธอก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากจากการแสดงเรื่อง The Horse Whisperer ที่กำกับโดย โรเบิร์ต เรดฟอร์ด จนทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน มีชื่อเข้าชิงรางวัล Chicago Film Critics Association Award ในสาขา ดาราดาวรุ่งยอดเยี่ยม และ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้ง จากการรับบทในภาพยนตร์เรื่อง Ghost World ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลดาราสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากเวที Toronto Film Critics Association Awards
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปนั้น คือการรับบท ชาร์ล็อตต์ จากภาพยนตร์สุดเหงาอย่าง Lost in Translation ที่กำกับโดย โซเฟีย คอปโปล่า ซึ่งในตอนนั้น สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน มีอายุเพียงแค่ 18 ปี แต่สามารถแสดงเป็นภรรยาสาวสุดเหงาวัย 25 ปีได้อย่างแนบเนียน และยังต้องประกบคู่กับดารารุ่นพ่อมากความสามารถอย่าง บิล เมอร์เรย์ อันส่งผลให้การแสดงของเธอยิ่งโชติช่วงมากขึ้นไปอีก และผลงานจากภาพยนตร์เรื่อง Lost in Translation ก็ทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน คว้ารางวัลบาฟต้ามาครอง และมีชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทอง อีกด้วย
สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน สานต่อความสำเร็จของตัวเอง ด้วยการรับบท กริเอท ในภาพยนตร์เรื่อง Girl with a Pearl Earing และทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน กลับเข้ามามีชื่อเข้าชิงรางวัลบาฟต้า ในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยม และรางวัลลูกโลกทองคำ ในสาขาดารานำหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดราม่าอีกครั้ง

ผลงานอันเป็นรูปธรรม และชื่อเสียงของ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ทำให้มีผู้กำกับฝีมือพระกาฬมากมายอยากร่วมงานกับเธอเป็นจำนวนมาก ทั้ง คริสโตเฟอร์ โนแลน ในเรื่อง The Prestige ที่เธอได้กลับมาร่วมแสดงกับฮิวจ์ แจ็คแมน อีกครั้ง อีกทั้งยังได้ร่วมงานกับ เบนเน็ตต์ มิลเลอร์ ในภาพยนตร์สั้นเรื่อง When the Deal Goes Down.. เพื่อยกย่องเชิดชูผลงานของศิลปินผู้โด่งดัง บ็อบ ดีแลน

นอกจากนี้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องรายได้ ทั้ง The Other Boleyn Girl, He's Just Not That into You We Bought a Zoo, Hitchcock แต่บทที่ทำให้เธอมีรายได้ถล่มทลายสุด ๆ นั้น คือการรับบทเป็นแม่ม่ายดำ ในเรื่อง The Avengers และ Iron man 2 และกำลังจะกลับมารับบทเดิมในเรื่อง Captain America : The Winter Soldier ที่ในตอนนี้ได้ถ่ายทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงการลงจอฉายเท่านั้น
สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน กำลังจะมีผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอคือ Summer Crossing ซึ่งเป็นบทดัดแปลงจากนวนิยายของนักเขียนชาวอเมริกันชื่อดัง ทรูแมน คาโพตี้ โดยที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังได้มือเขียนบทสุดฉกาจอย่าง ทริสตีน สกายเลอร์ มาช่วยเขียนบทให้ และจะเริ่มถ่ายทำในช่วงต้นปี 2014 นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2013 สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ยังมีชื่อตัวเองติดอยู่ใน Hollywood Walk of Fame บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ่อีกด้วย
นอกเหนือจากผลงานด้านการแสดงแล้ว สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับคาลวิน ไคลน์, ลอรีอัล, หลุยส์ วิตตอง, แมงโก้ และ ดอลเช่ แอนด์ กาบาน่า

ส่วนผลงานเพลงนั้น สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เคยร้องเพลง The Jesus and Mary Chain ในงานเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่อย่าง Coachella เมื่อปี ค.ศ. 2007 เคยปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอเพลง What Goes Around... Comes Around ของจัสติน ทิมเบอร์เลค และ มิวสิควิดีโอเพลงนี้ยังได้รับรางวัล วิดีโอยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที MTV Video Music Awards จนกระทั่งปี ค.ศ. 2008 สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน ก็ได้ตัดสินใจทำอัลบั้มเดี่ยวของตัวเอง โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า Anywhere I Lay My Head ซึ่งผลงานเพลงจากอัลบั้มนี้ ยังติดชาร์ตเพลงฮิตของบิลบอร์ดด้วย
ในด้านชีวิตส่วนตัวนั้น สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เคยออกเดทกับ แจ๊ค แอนโทนอฟ มือกีตาร์ของวงอินดี้ร็อคชื่อดัง Fun. อีกทั้งยังเคยเดทกับ จอช ฮาร์เน็ตต์ 2 ปี ในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Black Dahlia แต่สุดท้ายก็จบความสัมพันธ์ลงเพราะทั้งสองคนไม่มีเวลาให้กันในปี ค.ศ. 2007 สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เริ่มออกเดทกับ ไรอัน เรย์โนลด์ ก่อนที่ในอีก 1 ปีต่อมา ทั้งสองคนจะประกาศหมั้นกัน และจัดงานแต่งงานอย่างเงียบ ๆ ในวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 2008 แต่สองปีให้หลัง ทั้ง สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน และ ไรอัน เรย์โนลด์ ต่างก็ประกาศแยกทางกัน และหย่าขาดกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 ปัจจุบัน สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน กำลังหมั้นหมายอยู่กับ โรเมน ดูไรแอค เจ้าของเอเจนซี่โฆษณาชื่อดัง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน โด่งดังมากก็คือ รูปร่างหน้าตาที่สวยใส หน้าอกเต่งตึง และหุ่นที่ได้สัดส่วนพอดิบพอดี จนทำให้เธอได้รับการขนานนามให้เป็น เซ็กส์ ซิมโบล และได้รับการจัดอันดับสาวเซ็กซี่จากนิตยสารหลายฉบับ อาทิ นิตยสาร แม็กซิม ที่จัดอันดับให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เป็นสาวฮอตอันดับ 6 ประจำปี ค.ศ. 2006, อันดับ 3 ประจำปี ค.ศ. 2007, อันดับ 2 ประจำปี ค.ศ. 2008 หรือนิตยสาร Esquire ก็เคยจัดอันดับให้เธอเป็น ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ประจำปี ค.ศ. 2006 และในปี 2007 นิตยสาร เพลย์บอย ก็ยกให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เป็นคนดังที่เซ็กซี่ที่สุดแห่งปี ส่วนนิตยสาร FHM ก็ยกให้ สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน เป็นผู้หญิงสุดเซ็กซี่ที่ติดอันดับ 1 ใน 100 นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา หรือนิตยสาร Men's Health ที่ยกให้เธอเป็นผู้หญิงที่ฮอตตลอดกาล สูงสุดอันดับ 12 และรางวัลล่าสุดคือ ผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก ประจำปี ค.ศ. 2013 จากนิตยสาร Esquire
ทราบประวัติของสาวคนนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่าทึ่งสุด ๆ เพราะเธอไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถมากมาย น่าจับตามองสุด ๆ ทีเดียว
Credit : http://women.kapook.com/